วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพลงที่ชอบกับดนตรีที่ใช่

ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลยสำหรับ A little piece of heaven จาก วง A7X สุดเทพ
ตอนแรกฟังจากน้องที่เปิดอยู่บ่อยๆ ก็ งงว่าเอ นี่มัน วงอะไรหว่าเสียงคุ้น ฟังไปฟังมา ชอบซะงั้น โดนเลยจริงๆ เพลงนี้


คำแปลพร้อมเนื้อร้องเลย

Before the story begins, is it such a sin,
ก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มขึ้น มันเป็นบาปด้วยหรือ ?

for me to take what's mine, until the end of time
ที่ฉันจะเอาสิ่งที่เป็นของฉัน จนกว่าจะถึงจุดจบของเวลา

We were more than friends, before the story ends,
เราเคยเป็นมากกว่าเพื่อน, ก่อนที่เรื่องราวจะจบลง

And I will take what's mine, create what God would never design
และฉันจะเอาสิ่งที่เป็นของๆฉัน สร้างในสิ่งที่แม้แต่พระเจ้ายังไม่สร้างขึ้นมา


Our love had been so strong for far too long,
รักของเราแข็งแรงและมั่นคงตลอดมา

I was weak with fear that something would go wrong,
แต่ฉันอ่อนแอเพราะความกลัวว่าบางอย่างจะเปลี่ยนไป

before the possibilities came true,
ก่อนที่ความเป็นไปได้นั้นจะเกิดขึ้น

I took all possibility from you
ฉันจะเอาความเป็นไปได้ทั้งหมดมาจากเธอซะ

Almost laughed myself to tears,(hahaha)
เกือบจะหัวเราะกับตัวฉันเองจนน้ำตาเล็ด (ฮ่าๆๆๆ)

conjuring her deepest fears (come here you fucking b!tch !)
ร่ายมนต์ให้เธอไปถึงความกลัวที่สุดของเธอ (มานี่เลยนังสารเลว !)

Must have stabbed her fifty fucking times,
จะต้องแทงเธอซัก50ทีได้

I can't believe it,
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย

Ripped her heart out right before her eyes,
ควักหัวใจออกมาก่อนตาของเธอ

Eyes over easy, (eat it eat it eat it !)
ตาง่ายกว่าแฮะ (กินมัน กินมัน กินมันซะ !)


She was never this good in bed
เธอน่ะไม่เคยเก่งเรื่องบนเตียงเท่านี้เลย

even when she was sleepin'
แม้แต่ในเวลาที่เธอหลับ

now she's just so perfect I've
แต่ตอนนี้เธอช่างสมบูรณ์แบบ

never been quite so fucking deep in
ฉันไม่เคยจะได้ถลำลึกขนาดนี้เลย

it goes on and on and on,
มันดำเนินต่อไป ต่อไป และต่อไป

I can keep you lookin' young and preserved forever,
ฉันสามารถทำให้เธอดูอ่อนเยาว์และรักษามันไว้ตลอดกาล

with a fountain to spray on your youth whenever
ด้วยน้ำพุที่ฉีดบนความสาวของเธอเมื่อไหร่ก็ตาม
*(คนแปลก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันหมายถึงอะไรอ่ะ - -)*


'Cause I really always knew that my little crime
เพราะฉันรู้ดีตลอดมาว่ามันเป็นอาชญากรรมเล็กๆของฉัน

would be cold that's why I got a heater for your thighs
มันต้องหนาวแน่ๆ และนั่นคือเหตุผลว่่าทำไมฉันจึงต้องมีเครื่องทำความร้อนสำหรับต้นขาของเธอ

and I know, I know it's not your time
และฉันรู้ ,ฉันรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเธอ

but bye, bye
แต่ก็..ลาก่อน

and a word to the wise when the fire dies
และคำที่จะอธิบายท่าทางการตายที่ดุเดือด

you think it's over but it's just begun
เธอคิดว่ามันจบแล้ว แต่มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

baby don't cry
ที่รักอย่าร้องไห้


You had my heart, at least for the most part
เธอได้หัวใจฉันไป อย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ของมัน

'cause everybody's gotta die sometime, we fell apart
เพราะทุกๆคนต้องตายกันซักวัน แล้วเราจะต้องแยกจากกัน

let's make a new start
มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ

'cause everybody's gotta die sometime yeah
เพราะทุกๆคนต้องตายในซักวันหนึ่ง

but baby don't cry
แต่ที่รักอย่าร้องไห้เลย


Now possibilities I'd never considered,
ตอนนี้ความเป็นไปได้ที่ฉันไม่เคยได้นึกถึง

are occurring the likes of which I'd never heard,
กำลังเกิดขึ้นเหมือนบางสิ่งที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน

Now an angry soul comes back from beyond the grave,
และตอนนี้วิญญาณที่โกรธแค้นได้กลับมาจากหลุมศพ

to repossess a body with which I'd misbehaved
เพื่อกลับมาครอบครองร่างกายที่ฉันได้กระทำผิดต่อมัน


Smiling right from ear to ear
รอยยิ้มที่ฉีกกว้างจากใบหูถึงใบหู

Almost laughed herself to tears
เกือบจะหัวเราะกับตัวเธอเองจนน้ำตาเล็ด


Must have stabbed him fifty fucking times
จะต้องแทงเขาซัก50ทีได้

I can't believe it
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย

Ripped his heart out right before his eyes
ควักหัวใจออกมาก่อนตาของเขา

Eyes over easy (Eat it eat it eat it !)
ตาง่ายกว่าแฮะ (กินมัน กินมัน กินมันซะ!)


Now that it's done I realize the error of my ways
ตอนนี้ฉันได้ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของวิธีการที่ฉันได้ทำมันลงไป

I must venture back to apologize from somewhere far beyond the grave
ฉันต้องเสี่ยงกลับไปเพื่อจะขอโทษจากซักที่ๆหนึ่งไกลจากหลุมศพ

I gotta make up for what I've done
ฉันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ฉันได้ทำไป

'Cause I was all up in a piece of heaven
เพราะว่าฉันได้อยู่ในส่วนของสรวงสวรรค์ตลอด

while you burned in hell, no peace forever
ในขณะที่เธอต้องถูกแผดเผาอยู่ในนรก ไม่มีความสงบสุขไปตลอดกาล


'Cause I really always knew that my little crime
เพราะฉันรู้ดีตลอดมาว่ามันเป็นอาชญากรรมเล็กๆของฉัน

would be cold that's why I got a heater for your thighs
มันต้องหนาวแน่ๆ และนั่นคือเหตุผลว่่าทำไมฉันจึงต้องมีเครื่องทำความร้อนสำหรับต้นขาของเธอ

and I know, I know it's not your time
และฉันรู้ ,ฉันรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเธอ

but bye, bye
แต่ก็..ลาก่อน

and a word to the wise when the fire dies
และคำที่จะอธิบายท่าทางการตายที่ดุเดือด

you think it's over but it's just begun
เธอคิดว่ามันจบแล้ว แต่มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

baby don't cry
ที่รักอย่าร้องไห้


You had my heart, at least for the most part
คุณได้หัวใจฉันไป อย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ของมัน

'cause everybody's gotta die sometime, we fell apart
เพราะทุกๆคนต้องตายกันซักวัน แล้วเราจะต้องแยกจากกัน

let's make a new start
มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ

'cause everybody's gotta die sometime yeah
เพราะทุกๆคนต้องตายในซักวันหนึ่ง

but baby don't cry
แต่ที่รักอย่าร้องไห้เลย


I will suffer for so long (What will you do, not long enough)
ฉันจะทุกข์ทรมาณให้นาน (ไม่ว่าคุณจะทำอะไร , มันไม่นานพอหรอก)

To make it up to you (I pray to God that you do)
เพื่อที่จะชดเชยให้คุณ (ฉันจะสวดอ้อนวอนแก่พระเจ้าว่าคุณได้ทำ)

I'll do whatever you want me to do(Well then I'll grant you a chance)
ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ (ถ้าอย่างนั้น ฉันยอมให้โอกาสคุณอีกครั้ง)

And if it's not enough (If it's not enough, it's not enough)
และถ้าหากมันไม่เพียงพอ (ถ้ามันไม่เพียงพอ , มันไม่เพียงพอ)

If it's not enough (Not enough)
ถ้ามันไม่เพียงพอ (ไม่เพียงพอ)

Try again (Try again)
ลองอีกครั้ง (ลองอีกครั้ง)

And again (And again)
และอีกครั้ง (และอีกครั้ง)

Over and over again (Over and over again)
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า)

We're coming back, coming back
เรากำลังกลับมา ,กำลังกลับมา

We'll live forever, live forever
เราจะใช้ชีวิตอยู่ตลอดกาล ,มีชีวิตตลอดกาล

Let's have a wedding, have a wedding
แต่งงานกันเถอะ, แต่งงานกัน

Let's start the killing, start the killing
มาเริ่มการฆ่ากันเถอะ ,เริ่มการฆ่า


Do you take this man in death for the rest of your unnatural life?
คุณจะรับชายที่ตายแล้วผู้นี้ไว้ไปตลอดจนชั่วชีวิิตที่เหนือธรรมชาติของคุณหรือไม่ ?

(Yes, I do.)
(ใช่, ฉันรับ)

Do you take this woman in death for the rest of your unnatural life?
คุณจะรับหญิงสาวที่ตายแล้วผู้นี้ไว้ไปตลอดจนชั่วชีวิตที่เหนือธรรมชาติของคุณหรือไม่ ?


(I do.)
ฉันรับ.

I now pronounce you...
ตอนนี้ฉันได้ประกาศให้คุณทั้งคู่.....


'Cause I really always knew that my little crime
เพราะฉันรู้ดีตลอดมาว่ามันเป็นอาชญากรรมเล็กๆของฉัน

would be cold that's why I got a heater for your thighs
มันต้องหนาวแน่ๆ และนั่นคือเหตุผลว่่าทำไมฉันจึงต้องมีเครื่องทำความร้อนสำหรับต้นขาของเธอ

and I know, I know it's not your time
และฉันรู้ ,ฉันรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเธอ

but bye, bye
แต่ก็..ลาก่อน

and a word to the wise when the fire dies
และคำที่จะอธิบายท่าทางการตายที่ดุเดือด

you think it's over but it's just begun
เธอคิดว่ามันจบแล้ว แต่มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

baby don't cry
ที่รักอย่าร้องไห้


You had my heart, at least for the most part
คุณได้หัวใจฉันไป อย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ของมัน

'cause everybody's gotta die sometime, we fell apart
เพราะทุกๆคนต้องตายกันซักวัน แล้วเราจะต้องแยกจากกัน

let's make a new start
มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ

'cause everybody's gotta die sometime yeah
เพราะทุกๆคนต้องตายในซักวันหนึ่ง

but baby don't cry...
แต่ที่รักอย่าร้องไห้เลย.....

แจ่มจัด ชัดจริง ขอบคุณคำแปลจากบอร์ดเด็กดีค๊าบบ



วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แก้เน็ตช้าเวลาเล่น Bit แล้วเปิดเว็บไม่ขึ้น [XP SP3]

สำหรับคนเล่น Bit บนวินโดว์XP sp3 แล้วท้องผูก??? ท่องเน็ทไม่ได้เชิญทางนี้
สำหรับท่านที่เล่นโหลดบิท บน วินโดว์ XP servicepack 3 แล้วเวลาseedหรือleechแล้ว
ไม่สามารถท่องเน็ตได้หรือเว็บโหลดช้า
เอาโปรแกรม นี้ไปใช้ดูนะครับ โปรแกรมใช้ได้เลยไม่ต้องติดตั้ง

วิธีใช้
เมื่อ run โปรแกรมขึ้นมา
ให้เปลี่ยนค่าในช่องให้เป็นซักประมาณ 100 - 1000 กดok (ซักประมาณ 100 ก็น่าจะใช้ได้)
แล้วรีสตาทคอมฯ 1 รอบ รับรองปัญหาที่คุณท้องผูกอยู่ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง

จริงๆแล้วในระบบปฏิบัติการวินโดว์XPนั้นมีการจำกัด การเชื่อมต่อ Tcp/ip ไว้
โปรแกรมนี้เป็นตัวแก่เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อให้คอมฯคุณ
สาเหตุที่ต้องมีการจำกัด การเชื่อมต่อ Tcp/ip ไว้นั้นก็เป็นเพราะว่า เพื่อป้องกันวอร์ม(หนอน) จะเข้าเครื่องเราง่าย
ปกติวินโดว์ มันจะลอคอยุ่แค่10 กันไม่ให้พวกนี้เข้าเครื่องง่าย
แต่ถ้าเครื่องเรามี Anti virus ดีๆ แล้วละก็ไม่มีปัญหา

ใช้กับ วินโดว์XP sp2 ก็ได้นะครับ (แต่ส่วนใหญ่ บน SP2 จะไม่ค่อยเจอปัญหาเน็ตช้าเมื่อเล่นบิทนะ)

ลิงค์ดาวโหลดจ้า http://www.filesonic.com/file/3992728875/fix_net_sp3.rar

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับรถจ้า

ท่อไอเสีย
รถยนตร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดท่อไอเสีย หม้อพัก และปลายท่อด้านท้ายมีขนาดใหญ่กว่าปรกติ มีความผิดหรือไม่ครับ
คำตอบ
ไม่ผิดครับ แต่สำคัญอย่าให้เสียงดังเกินกว่าที่กม.กำหนดไว้ สำหรับรถยนต์ ไม่เกิน 100 เดซิเบล รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 95 เดซิเบล

กระจกมองข้าง
กระจกมองข้างถ้าเราติดอันเล็กจะผิดกฎหมายมั๊ยครับ
คำตอบ
การติดกระจกมองข้างอันเล็ก ไม่ผิดกม.ครับ สามารถติดได้ เหตุผลเพราะ
พ.ร.บ.รถยนต์พ.ศ.2522 บัญญัติว่า รถยนต์ต้องมีและใช้เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถดังต่อไปนี้
- เครื่องมองหลัง เป็นกระจกเงา ติดอยู่ในที่ที่ผู้ขับรถสามารถมองเห็นภาพการจราจรด้านข้างและด้านหลังได้ทุกขณะอย่างชัดเจน
เนื่องจากไม่ได้กำหนดจำนวนหรือขนาดของเครื่องมองหลัง ดังนั้นจึงสามารถติดเพิ่มจากเดิมได้โดยไม่ผิดกม.
- กรณีเป็นรถจักรยานยนต์ กม.ก็บัญญัติไว้เช่นเดียวกันครับ

เรื่อง รถโหลด
รถเก๋งโหลดเตี้ยผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ หรือมีกฏหมายบังคับให้โหลดได้ไม่เกินเท่าไหร่ เพราะรถบางคันท้ายโด่งมา บางคนโหลดให้ดูพองาม ซึ่งผมโดนตำรวจจับข้อหาดัดแปลงสภาพรถ และรถผมก็เป็นรถมือสอง ซื้อมาใช้สภาพนี้ครับ (ก็ไม่เตี้ยมากครับน่าจะประมาณ 1 - 2 นิ้ว สามารถก้มไปดูใต้ท้องรถได้) อยากรู้ว่า

1. ถ้าผิดกฏหมาย ทำไมถึงปล่อยให้เต๊นท์รถขายรถทำมาหรือดัดแปลงรถได้ครับ และทำไมเวลาตรวจสภาพรถก่อนต่อทะเบียนถึงผ่านละครับ ( แต่เวลาขับถูกจับ) และหนังสือลงโฆษณาขายโช้คโหลดอย่างนู้นอย่างงี้ ปล่อยให้เค้าขายได้อย่างไร(เท่ากับขายของที่ทำให้ผิดกฏหมายนะ)

2. ถ้ารถที่ดัดแปลงสภาพรถผิดกฏหมาย รถที่ใส่ไฮโดรลิค ยืดขึ้นยืดลง ใส่เครื่องเสียงดังๆรบกวนชาวบ้าน (เลียนแบบมอเตอร์โชว์) รถเก๋งเล็กที่ใส่เครื่อง J เทอร์โบ (แรงเกินขนาดของรถ) รถที่ยกสูงถือว่าดัดแปลงสภาพรถหรือเปล่า

3.ตอนผมจอดติดไฟแดงตำรวจมาขอดูใบขับขี่ พอผมยื่นให้ดู กับเดินกลับไปที่รถของเค้าเพื่อเขียนใบสั่ง ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ในรถ โดยไม่แจงข้อหา ผมต้องขับออกไปแล้วจอดข้างทาง แล้วรีบเดินมาหาเค้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นเค้าจึงบอกว่าดัดแปลงสภาพรถ ผมบอกว่าผมซื้อมาสภาพนี้ หรือพูดอย่างไรก็ไม่สนเก็บใบขับขี่เข้ากระเป๋าแล้วให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพัก พอไปเสียค่าปรับ จะปรับตั้งพันหนึ่ง (มันความผิดผมเหรอ ผมซื้อมาสภาพนี้น่ะ) ผมว่าบางครั้งตำรวจทำเกินไปในบางครั้งไม่รับฟังเหตุผลบ้าง น่าจะชี้แจงให้เข้าใจว่ามันผิดอย่างนี้ๆนะ ไปแก้ไขซะ ถ้าเจออีกจับแน่นอนอะไรประมาณนี้

4. คุณว่าการมีส่วนในเรื่องของเงินค่าปรับมีส่วนเกี่ยวข้องไหม มีคนบอกว่า(ซึ่งผมก็เห็นด้วย) พอมีเอี่ยวส่วนแบ่งในเงินค่าปรับทำให้บางคนไม่เคยโดนจับก็โดน(ผมใช้ขับรถมา 2 ปี ไม่เคยโดนจับไปทำธุระหลายจังหวัดเพิ่งมาโดน) บางครั้งผมเห็นว่ามันเอื้อการนำมาใช้หาผลประโยชน์กับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมายมากเกินไป เหมือนดาบมีสองคมใช้ในทางที่ดีก็ดีไป เท่าที่ผมอยากรู้ก็มีเท่านี้ละครับ ซึ่งผมคิดว่าประชาชนทั้งหลายที่ใช้รถ ก็คงอยากจะทราบเหมือนกับผม

คำตอบ
ขออนุญาตแยกตอบเป็นหัวข้อหลักๆ อาจจะข้ามหรือกระโดดไปบ้าง ดังนี้
-- การใช้รถนั้น หากเป็นรถที่ซื้อต่อจากผู้อื่น (รถมือสอง) ผู้ที่ซื้อรถคันดังกล่าวมาหรือผู้ขับขี่รถ (จะเป็นเจ้าของรถหรือไม่ก็ตาม) จะต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องของการขับขี่รถและของตัวรถที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจพบว่าผิดกม.
สรุปว่า การใช้รถมือสองหรือการยืมรถคนอื่นมาขับ หรือการเป็นลูกจ้างแล้วนายจ้างสั่งให้มาขับรถ เช่นไปส่งของหรือเป็นคนขับรถ หาสกพบว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งผิดกม. จะอ้างว่าไม่ใช้เจ้าของรถหรือเป็นรถซื้อต่อมา ย่อมไม่ได้ ยกเว้นจะมีกม.กำหนดไว้เป็นความผิดเฉพาะตัวเจ้าของ
-- รถโหลดเตี้ยหรือรถยกสูงไม่ผิดกม. เว้นแต่ 2.1 รถโหลดเตี้ย หากโหลดแล้ว มีผลต่อเนื่องไปทำให้ส่วนอื่นของรถผิดกม.ก็จะมีความผิดไปด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดคือ การโหลดเตี้ยทำให้ระดับของไฟหน้ารถผิดไปจากที่กม.กำหนดไว้ ได้แก่ รถยนต์ : ไฟหน้ารถถูกกำหนดให้สูงจากพื้นทางราบถึงจุดศูนย์กลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 ม. แต่ไม่เกิน 1.35 ม. หากนำรถไปโหลดเตี้ยแล้ว ลองเอาไม้บรรทัดวัดดูว่าน้อยกว่า 0.60 ม.หรือไม่ หากน้อยกว่าก็ผิดกม.ครับ
1. รถอยู่ในเต๊นท์ยังไม่ผิดกม.ครับ จอดไว้ในเต๊นท์ยังไม่ผิดจะผิดเมื่อเอาออกไปใช้ขับขี่ ส่วนโชคอัพรถนั้นยิ่งไม่ผิดกม.ใหญ่ เว้นแต่จะผิดตามพ.ร.บ. ผลิตภัณท์มาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) เกี่ยวคุณสมบัติของโชคอัพ ครับ
เท่าที่ทราบ การตรวจสภาพรถผ่านสถานที่ตรวจรถเอกชนไม่ได้ตรวจเรื่องความเตี้ยของรถครับ มีแต่ตรวจเรื่องอุปกรณ์อื่น
2. รถยกสูงหากไฟสูงเกิน 1.35 ม.ก็ผิดกม.เช่นเดียวกันครับ รถใส่เครื่องเทอร์โบ หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ ต้องให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบกตรวจสภาพก่อน หากตรวจผ่านก็ไม่ผิดครับ
3.ประเด็นว่าเป็นรถมือสองคงเข้าใจดีแล้วนะครับว่า ใช้เป็นเหตุผลในการทำให้พ้นผิดไม่ได้ แต่ประเด็นกรณีที่ตำรวจไม่แจ้งข้อหาหรือความผิดให้ทราบนั้น ไม่ถูกต้อง โดยหลักแล้วต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าผิดอะไร แล้วจึงออกใบสั่ง
4. เรื่องการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมได้รับเงินรางวัลจากค่าปรับจราจรนั้น เป็นเพราะมีกม.บัญญัติไว้ว่า เงินค่าปรับจราจรร้อยละห้าสิบให้แบ่งให้แก่กรุงเทพมหานคร และเป็นรายได้แผ่นดิน (กระทรวงการคลัง) ส่วนที่เหลือนั้นให้เป็นรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม ซึ่งในส่วนของตำรวจจราจรก็มีการเปลี่ยนแปลงกันหลายครั้ง ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้มีการกวดขันจับกุมผู้ฝ่าฝืนกม.มากขึ้น แต่การกระทำความผิดใดๆก็ตาม หากไม่เคยถูกจับมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเปลี่ยนสิ่งที่ผิดกม.เป็นสิ่งที่ถูกกม.ไปได้ ไม่ว่าจะไม่เคขถูกจับมา 2 หรือ 3 ปีหรือขับรถผ่านมากี่จังหวัดแล้วก็ตาม

เรื่องไฟตัดหมอก
อยากทราบว่าการเปิดไฟตัดหมอกนั้นผิดกฎหมายไหมครับแล้วถ้าผิดกฎหมายแล้วจะเสียค่าเปรียบเทียบปรับเท่าไหร่
คำตอบ
ขณะนี้กม.เปิดโอกาส ให้รถที่ต้องการติดไฟตัดหมอก
1.สามารถติดได้ที่หน้ารถข้างละหนึ่งดวงอยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง มีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ สูงจากพื้นทางราบไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพ่งไกล (ไฟสูง) และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟต่ำ) ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตรในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา
2. ไฟตัดหมอกจะเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างได้เฉพาะในทางที่จะขับรถผ่าน มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะของแสงไฟ ดังนั้น สรุปว่า
1. การติดไฟตัดหมอก มีเงื่อนไขตาม ข้อ 1
2. การใช้ไฟตัดหมอก ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตาม ข้อ 2

เรื่องการใส่ part รอบคันรถตู้ใส่กันชนรอบคันและมีเสาอากาศอยู่ด้านหลังจะผิดกฏหมายหรือเปล่าครับ
คำตอบ

รถตู้หรือรถอื่นที่ติดกันชนรอบคัน หากพิจารณาจากการติดตั้งแล้ว ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น เช่นไม่ติดยื่นยาวจนเกินไป หรือไม่มีลักษณะเป็นของแหลมคม เมื่อมีคนเดินผ่านรถไปเฉี่ยวถูก ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ก็ยังไม่เป็นความผิด การติดเสาอากาศก็เช่นเดียวกัน การติดกันชนรอบคัน แม้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ แต่ก็เสียเงิน และทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ เปลืองน้ำมันรถเปล่าๆ กันชนเดิมก็มีอยู่แล้ว

เรื่องฟิมล์กรองแสง
ขอตอบคำถามด้วยบทความดังต่อไปนี้ (ตอนที่ 1)

ฟีล์มกรองแสง ปัญหาอยู่ที่กรองแสงหรือสะท้อนแสง
ฟีล์มกรองแสง หรือวัสดุกันแสง ช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะเข้าไปรถ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถเย็นเร็วขึ้น ลดอันตราย ที่เกิดจากการแตกกระจายของเศษกระจกได้ดีเยี่ยม รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงของบุคคลภายในรถ (สตรี) ทั้งจากการถูกมอง หรือสังเกต จากภาย นอกโดยเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย และ

ฟีล์มกรองแสง หรือวัสดุกันแสง ช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะเข้าไปรถ ทำให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถเย็นเร็วขึ้น ลดอันตราย ที่เกิดจากการแตกกระจายของเศษกระจกได้ดีเยี่ยม รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงของบุคคลภายในรถ (สตรี) ทั้งจากการถูกมอง หรือสังเกต จากภาย นอกโดยเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่การจราจรติดขัด ยิ่งกว่านั้นเมื่อถึงคราวจำเป็น เร่งด่วน ยังได้อาศัยเป็นห้องแต่งตัวพอแก้ขัดไปได้ และรักษาอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถ เช่น คอนโซลหน้า-หลังไม่ให้ซีดหรือแห้งกรอบ ช่วยประ หยัดพลังงานที่เกิดจากการทำงานของเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ฟีล์ม กรองแสงยังช่วยลดรังสีอุลตราไวโอเล็ต และรังสียูวี ที่สำคัญยังช่วยป้องกันปัญหาทางสุขภาพอนามัย เช่น มะเร็งผิวหนัง ต้อนัยน์ตา และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วยที่อาจเกิดกับกระจกรถได้อีกด้วย

ตำรวจเอากม.อะไรมาจับ เอาเหตุผลอะไรมาตอบสังคม ก่อนที่ท่านจะอ่านข้อความต่อไปนี้ ขอให้สูดลมหายใจลึกๆไว้ก่อนครับ

ฟีล์มกรองแสงโดยรวม มี 3 ชนิด คือ

ชนิดที่ 1 ฟีล์มกรองแสงทั่วไป เป็นชนิดไม่มีการเคลือบโลหะ ฟีล์มชนิดนี้มีคุณสมบัติในการลดแสงที่ส่องผ่านกระจก ไม่มีการสะท้อนแสงหรือมีน้อยมาก เพิ่มความเข้มของสีกระจก เนื้อฟีล์มจะบาง ไม่มีความเงามัน

ชนิดที่ 2 ฟีล์มกรองแสงชนิดเคลือบโลหะ มีการพัฒนาคุณสมบัติจากชนิดที่ 1 โดยการผสมโลหะหนัก เช่น ไอสารอลูมินั่ม นิเกิล ทองแดง หรือโลหะอัลลอยด์อื่นๆ ผิวฟีล์มจะมีสีเหลือบเป็นมันเงา สีจะแตกต่างกันตามประเภทของไอโลหะ เนื้อฟีล์มจะหนากว่าชนิดที่ 1 ลดการส่องผ่านของแสงได้มาก มีการสะท้อนแสงได้ดี ค่าการสะท้อนแสงมากน้อยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะที่เคลือบบนผิวฟีล์ม


ชนิดที่ 3 ฟีล์มกรองแสงชนิดใช้กับกระจกอาคาร-สำนักงาน (เรียกกันทั่วไปว่า ฟีล์มฉาบปรอท ทั้งที่ไม่มีส่วนผสมของปรอทเลย แต่เรียกกันตามสีที่คล้ายสีของปรอท ) มีส่วนผสมของโลหะมากที่สุด สะท้อนแสงมากกว่า 50% ไม่เหมาะกับการนำมาติดกับกระจกรถอย่างยิ่ง เนื่องจากค่าของการสะท้อนแสงมีมาก ทำให้เข้าสะท้อนเข้าตาของผู้ขับขี่รถทั้งที่วิ่งสวนทางและตามหลัง


เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นสิ่งต่างจากภายในรถของผู้ขับขี่รถเสียไป (ฟีล์มชนิดนี้สังเกตุได้ง่าย จะมีการสะท้อนแสงได้มาก จนบางครั้งถึงกับหวีผม หรือบีบสิวได้)

กม.ที่เกี่ยวข้องกับฟีล์มสะท้อนแสง (เฉพาะพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และพ.ร.บ.รถยนต์ฯ)
1. พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 8 ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่ไม่อาจแลเห็นทางพอแก่ความปลอดภัยมาใช้ในทางเดินรถ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้อธิบดีมีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- ระเบียบกรมตำรวจ ว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำ มาใช้ในทางเดินรถ พ.ศ. 2541 ลงวันที่ 24 ก.พ. 2541
- ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542 ลงวันที่ 24ก.ย.2542
- ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย การยกเลิกการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ พ.ศ.2544 ลงวันที่ 1มิ.ย.2544

2. พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบ ถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว


ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ฟีล์มกรองแสงนั้น ได้มีการต่อต้าน ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนั้น ไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัสดุกรองแสง กับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ สมควรที่จะทำการศึกษาความเหมาะสมในเรื่องวัสดุกรองแสงติดรถยนต์ให้เป็นที่ชัดเจนเสียก่อน จึงให้ยกเลิกการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ เมื่อปี พ.ศ.2544

ผลของการยกเลิกกม. ทำให้สามารถติดฟีล์มกรองแสงที่รถได้โดยเสรี เนื่องจากไม่มีกม.บังคับไว้ ประกอบกับได้มีการพัฒนาคุณสมบัติของฟีล์มจากชนิดที่ 1 เป็นชนิดที่ 2 โดยมีหลักสำคัญคือ การเคลือบโลหะลงบนแผ่นฟีล์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดแสงหรือความร้อนที่จะผ่านเข้าไปภายในรถ ( Visible Light Transmission ) ซึ่งมีระดับค่าตั้งแต่ 8% - 66% และการสะท้อนแสงหรือความร้อน ( Visible Light Reflectance ) ซึ่งมีระดับค่าตั้งแต่ 5% - 43 % และเป็นที่นิยมของผู้ใช้รถอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมา คือ ความแตกต่างกันระ หว่างระดับต่ำสุด ( 5% ) และสูงสุดของค่าการสะท้อนแสง ( 43% ) ทำให้รถติดฟีล์มดังกล่าว มีความหลากหลายและแตกต่างกัน ทั้งรถที่มีการสะท้อนแสงน้อยสุดไปจนถึงมากสุด ประกอบกับมีผู้นำรถติดฟีล์มชนิดที่ 3 (สำหรับอาคารสำนักงาน) และนำออกมาใช้ในถนนเพิ่มขึ้น
ต่อมาในวันที่ 27 ส.ค.2547 ได้มีการร้องเรียนผ่านนายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ ผู้ตรวจ การแผ่นดินของรัฐสภา ไปยังนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่ง ชาติ กรณีเริ่มมีรถยนต์ติดฟีล์มกันแดดแบบฉาบปรอทสะท้อนแสง ( ชนิดที่ 3 ) ซึ่งเมื่อถูกแสงแดดจะสะท้อนไปเข้าตาผู้ขับรถคันอื่นที่ขับตามมาหรือขับข้างๆ ทำให้ตาพร่า อันก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งจากอุบัติเหตุ อีกทั้งง่ายต่อการก่ออาชญากรรม เพราะฟีล์มชนิดดังกล่าวจะไม่เห็นคนข้างใน เนื่อง จากกันสายตาโดยสิ้นเชิง ซึ่งปัญหาอันอาจเกิดภัยอันตรายร้ายแรงดัง กล่าว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาได้ประสพด้วยตัวเองมาแล้ว
จึงได้มีการสั่งการโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั่วประ- เทศทำการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือผู้ขับขี่รถยนต์ติดฟีล์มกันแดดแบบปรอทสะท้อนแสง ( ชนิดติดอาคารสำนักงาน ) งดใช้ฟีล์มประเภทดัง กล่าว หากพบมีผู้ฝ่าฝืนให้กวดขันจับกุมและดำเนินคดี ในความผิดฐาน เพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปที่รถซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นตาม มีอัตราโทษปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท

ปรากฏว่าในการกวดขันจับกุมตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 นั้น เนื่องจากไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ของค่าการสะท้อนแสงที่อาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นไว้ คงให้เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรผู้ปฏิบัติในการพิจารณา ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละปัจเจกบุคคล รวมทั้งเวลา ตลอดจนสภาพแวดล้อม รวมทั้งความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างผู้ขับขี่รถที่ถูกตรวจจับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในประเด็นการจับกุมความผิดฐาน ติดฟีล์ม กรองแสง ซึ่งได้มีการยกเลิกกม.ไปแล้ว กับความผิดฐาน เพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปที่รถซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น (สิ่งใดสิ่งหนึ่งในที่นี้ อาจหมายรวมถึงวัสดุอื่นใด เช่น ผ้าม่าน กระดาษ สติกเกอร์โฆษณาต่างๆ มู่ลี่กันแดด ฉากกั้น ฯลฯ )


สำหรับการกำหนดค่ามาตรฐานการสะท้อนแสงของฟีล์ม กรองแสงนั้น ผู้ประกอบการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้ประสานให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน เพื่อใช้กำหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รถที่ติดฟีล์มกรองแสงไปแล้ว ได้รับความเดือดร้อนและเกิดความสับสนอันอาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งของสังคม ในขณะที่ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานการสะท้อนแสงของฟีล์มกรองแสง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น สำหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ในวันที่ 27 ก.ย.2547 จึงได้มีบันทึกสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ขับขี่และร้านค้าผู้ติดฟีล์มที่อาจเกิดอันตรายดังกล่าวไปพลางก่อน

อย่างไรก็ตาม รถที่ติดฟีล์มกันแดดแบบปรอทสะท้อนแสง ( ชนิดติดอาคาร-สำนักงาน ) ซึ่งเป็นชนิดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นอย่างชัดเจน จะมีการกวดขันจับกุมอย่างเข้ม งวดต่อไป

ส่วนรถที่ติดฟีล์มกรองแสงชนิดที่ 1 หรือ ชนิดที่ 2 ไปแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลอกออกในขณะนี้ สามารถใช้ต่อไปได้ จนกว่าจะมีการกำหนดค่ามาตรฐาน หรือมาตรการในการแก้ไขปัญหาก่อน

ปัญหาคือ รถที่กำลังจะติดฟีล์มกรองแสงใหม่ หรือรถใหม่ ยังคงสามารถจะติดฟีล์มได้ แต่ควรทำความเข้าใจในรายละเอียดของฟีล์มที่จะติด ไม่ว่าจะเป็นชนิด ประเภท คุณสมบัติ โครงสร้าง และสิ่งสำคัญที่สุดได้แก่ ค่าการสะท้อนแสง ซึ่งเป็นหน้าที่ของร้านค้าประดับยนต์ที่จะต้องชี้แจงให้ข้อแนะนำกับผู้บริโภคได้เข้าใจอย่างถูกต้อง รวมถึงการให้ร้านค้าผู้ประกอบการออกใบรับรองคุณสมบัติของฟีล์มที่ติด เพื่อไว้ตรวจ สอบในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนั้น ยังอยู่บนพื้นฐานของดุลยพินิจที่กม.กำหนดไว้กว้างๆ อาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรผู้ปฏิบัติกับผู้ขับขี่รถบ้าง ดังนั้นเมื่อมีการตรวจจับและออกใบสั่ง หากยังไม่ยอมรับในดุลยพินิจของเจ้าข้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม ข้อแนะนำคือ ขอให้นำใบสั่งพร้อมรถไปพบพนักงานสอบสวน สารวัตรจราจรหรือ รองผู้กำกับจราจร หรือหัวหน้าสถานีตำรวจ เพื่อตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องและลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในที่สุด

สรุป ฟิลม์อะไรก็ได้ไม่ผิดกฎหมาย จะผิดต่อเมื่อ เป็นฟิล์มปรอท หรือติดเกิน25% ของกระจกบานหน้า

เรื่อง การจับความเร็ว

อยากร่วมรณรงค์ทุกเรื่องเกี่ยวกับกับการใช้รถบนท้องถนน คือผมอยากทราบว่า กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้เรื่องกำหนดความเร็ว 90กม./ชม. เจาะจงพื้นที่หรือไม่
คำตอบ
1. ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับประเทศไทยนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน
1.1 ความเร็วตามที่กม.กำหนด ซึ่งเป็นกฎกระทรวงออกตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ระบุไว้โดยสรุปดังนี้
- รถส่วนบุคคล รถเก๋ง รถแท็กซี่ รถปิคอัพขนาด 1 ตัน
-ใข้ความเร็วในกทม.หรือ เขตเทศบาล ได้ไม่เกิน 80 กม.ต่อชม.
-ใช้ความเร็วนอกเขตกทม.หรือนอกเขตเทศบาลใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม.ต่อชม.
- ซึ่งความเร็วดังกล่าวข้างต้นรวมถึงบนทางด่วนทุกขั้น (ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร) ด้วย
1.2 ยกเว้นทางมอเตอร์เวย์ มีกม.ระบุไว้เป็นการเฉพาะให้วิ่งได้ไม่เกิน 120 กม.ต่อชม. เหตุที่เป็นเช่นนี้เข้าใจว่า เพราะมอเตอร์เวย์เป็นทางในระดับพื้นราบ ไม่มีทางโค้ง หรือจุดที่เกิดอันตรายมาก และส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตรงๆ ไม่ค่อยมีทางร่วมหรือทางเชื่อม ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มากอย่างปลอดภัย
แต่บนทางด่วน มีทางเชื่อม ทางขึ้นลง ทางแยก รวมทั้ง มีทางโค้ง โคงหักศอก เป็นทางยกระดับ ทางลาดชัน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากใช้ความเร็วสูง ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นบ่อยๆ กรณีรถเกิดอุบัติเหตุแล้ว ตกลงจากทางด่วนลงมาพื้นราบ ทำให้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านล่างตายไปหลายกรณีแล้ว
1.3 กรณีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ส่วนใหญ่จะบังคับใช้หรือเข้มวงดกับรถที่ขับรถเร็วจนผิด ปกคิ หรือใกล้จุดที่น่าจะเกิดอันตราย เช่น แหล่งชุมชน เป็นต้น และจะมีการใช้เครื่องเรดาห์ในการตรวจจับโดยเครื่องดังกล่าวได้รับการรับรองความมาตรฐานจากกองทัพอากาศ เป็นระยะๆ เพื่อกันปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทางด่วน จะมีการเรียกตรวจจับที่ความเร็วเกินกว่า 110 กม.ต่อชม. โดยผู้ขับขี่จะถูกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่รถ และออกใบแทน ( ใบสั่ง) ให้รับไป ซึ่งกม.กำหนดอัตราโทษไว้ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนจะปรับ ไม่เกิน 500 บาท แต่จะถูกยึดใบขับขี่ตามมาตรการบันทึกคะแนน ไว้ 15วัน หลังจากนั้นมารับใบขับขี่คืนได้โรงพักที่เราเสียค่าปรับ
ปกติการจับกุมผู้ขับขี่รถเร็วกว่ากม.กำหนดก็ได้ทำเป็นเหตุการณ์ประจำวันอยู่แล้ว แต่บางสน.ไม่มีพื้นที่ให้จับเนื่องจากไม่มีระยะทางไกลๆในการยิงด้วยเครื่องตรวจจับ เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 ราย การขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม.ต่อชม. อาจดูช้าไปบ้างในเขตกรุงเทพฯ แต่เป็นความเร็วที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะลดความรุนแรงของความบางเจ็บได้ รวมทั้งเป็นความเร็วที่ประหยัดน้ำมันในยุคพนักงานเชื้อเพลิงมีราคาแพง ส่วนผลต่างของเวลาระหว่าง 90 กม.ต่อชม. กับ 110 ก.ม.ต่อชม. จะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Multi User for Google Chrome

Multi User for Google Chrome

Replicate the user data folder "C:\Documents and Settings\{your computer name}\Local Settings\Application Data\Google\Chrome\User Data" into as many folders as you wish.Modify the shortcut to chrome so that it includes the "--user-data-dir=" switch. The shortcut should something like this"C:\Documents and Settings\{your computer name}\Local Settings\Application Data\Google\Chrome\Application\chrome.exe" "--user-data-dir={folder with specific user data}" <<
ใน {}ให้ใส่ ชื่อ user ที่ต้องการสร้างใหม่
แค่นั้นแหล่ะ ง่ายมากมาย



ออฟเซ็ต ( Offset , ET )

ออฟเซ็ต ( Offset , ET )

คืออะไร ? .... ค่า Offset คือค่าระยะห่าง ระหว่าง เส้นแบ่งครึ่งล้อ ตามแนวขวาง กับ หน้าแปลนของล้อ (Hub Mounting Surface) โดยมีหน่วยเป็น มิลลิเมตร

ค่า Offset ส่งผลอะไรกับรถของเรา ? ค่า Offset จะส่งผลโดยตรงกับระยะหรือ

ตำแหน่งของล้อ ว่าจะยื่นออก หรือ หุบเข้า ไปในตัวรถของท่าน ดังนั้น การเลือกล้


ค่า
Offset ของล้อ ที่เราจะพูดถึง โดยปกติระบุเป็น 3 ค่าด้วยกันคืออที่มีค่า
Offset ที่ถูกต้องเหมาะสมจึงมีความจำเป็น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียว


ค่าออฟเซ็ต เท่ากับศูนย์ Zero Offset (0)

คือค่า ระยะห่างของ หน้าแปลนล้อ ( Hub Mounting Surface ) ตรงกับ เส้นแบ่งครึ่งของ ล้อตามแนวขวางของล้อพอดี




ค่า ออฟเซ็ต เป็นบวก Positive (+)

คือระยะห่างของเส้นแบ่งครึ่งล้อวัดไปถึงหน้าแปลนล้อโดยมีทิศทางไปนอกตัวรถ วัดได้เป็นระยะเท่าไรนั้นถือค่าเป็นบวก(+) เช่น +20, +30, +38, +45 เป็นต้น ซึ่งมักพบกับล้อที่ใช้กับรถขับเคลื่อนล้อหน้าเสียส่วนใหญ่




ค่าออฟเซ็ต เป็นลบ Negative (-)


คือระยะห่างของเส้นแบ่งครึ่งล้อวัดไปถึงหน้าแปลนล้อ หรือพูดง่ายๆ ว่าหน้าแปลนของล้อมีระยะเกินเส้นแบ่งครึ่งล้อไปในทิศทางเข้าในตัวรถ วัดได้เป็นระยะเท่าไรนั้นถือค่าเป็น (-) เช่น -5, -10, -20 เป็นต้น ซึ่งรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังมักกำหนดให้ใช้ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซ็ตเป็นลบหรือก็บวกไม่มาก



เรื่องนี้หากมีการเลือกค่า offset ที่ไม่ตรงกับรถนั้นๆ ก็จะมีผลกระทบตามมาเช่นกัน หรือหากมีการเปลี่ยนขนาดความกว้างของล้อ ค่า Offset ก็เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาหรือรู้ถึงค่า Offset สำหรับรถของท่านควรมีตัวเลขอยู่ที่เท่าไร ? เพื่อจะได้ไม่สร้างปัญหาให้แก่ตัวรถของท่าน

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าล้อของเรามีค่า Offset เท่าไร ?

การดูค่า offset ล้อแม็ก ของเราด้วยตนเอง
โดยปกติ ล้อแม็ก ส่วนใหญ่ จะมีตัวเลขบ่งบอกไว้ที่ตัวล้อเองเลย ซึ่งเรามักสังเกตุเห็น ตัวเลขที่มักจะตามตัวอักษร เช่น " ET 38 " ก็หมายถึงoffsET 38 นั่นเอง หรือบางที ก็อาจมีเฉพาะตัวเลขลอยๆ ไม่มีตัวอักษรนำหน้าก็มี เช่น " 45 " ก็หมายถึง Offset = 45 เหมือนกัน ดูตัวอย่าง ที่รูปภาพด้านล่าง

แต่หากดูที่ล้อแล้ว ไม่ปรากฎ ตัวอักษรหรือตัวเลขดังกล่าว เราก็มีวิธีหาค่า Offset ได้เหมือนกัน แต่ต้องใช้เครื่องวัดและการคำนวณประกอบกัน ซึ่งเราจะนำมาเล่าให้ฟังต่อไป

ตอนต้นเราพูดเรื่องการดูหรือหาค่า Offset ที่ล้อไปแล้ว แต่ตอนนี้ หากเราอยากทราบว่า รถของเรา มาตรฐานเดิมที่ล้อแม็กของเรา มีค่า Offset เท่าไร ? ก็ต้องดูที่ สมุดคู่มือประจำรถ หรือหากไม่มี ก็สามารถสอบถามได้ โดยกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มด้านล่างนี้

และนี่ เป็นค่า Offset ของรถที่ถามกันมาบ่อยๆ เราจึงนำมาบอกกัน

รถ / Car Brand

รุ่นรถ / Model

Std. Offset

Offset ทดแทนได้

Audi

A80

+45

+35 ถึง +40

BMW

E30
E34 , E39
E36
E46

+35
+20
+47
+42

+20 ถึง +30
+10 ถึง +20
+35 ถึง +40
+31 ถึง +43

Cheverolet

Zafira , Optra , Aveo

+45

+38 ถึง +42

Colorado

+41

+30 ถึง +35

Ford

Focus

+45

+38 ถึง+42

Honda

Jazz
City , Civic (4 Holes)
Civic 2007-2008 (5 Holes)
CRV, Odessey , Steam
Accord 95-2002
Accord 2003- 2008

+53
+45
+50
+50
+50
+50

+40 ถึง +45
+35 ถึง +42
+38 ถึง +42
+38 ถึง +45
+38 ถึง +45
+38 ถึง +45

Hyundai

Sonata , Excel

+45

+38 ถึง +42

Isuzu

D-Max SX , SL , SLX
D-Max Hilander
Dragon Eye
TFR

+41
+30
+5
+0

+30 ถึง +35
+15 ถึง +25
-5 ถึง +10
-5 ถึง +10

Mecedes Benz

W123
W124
W202

+30
+49
+31

+15 ถึง +25
+30 ถึง +45
+25 ถึง +42

Mitsubishi

E-Car , New Lancer
Champ

+46
+45

+38 ถึง + 42
+35 ถึง + 38

Triton 5 รู
Starda

+45
+10

+30 ถึง +45
+0 ถึง +5

Mazda

Mazda 2
Mazda 3
Cronos 626 , Astina 323
323 Prote'ge

+50
+45
+45
+45

+38 ถึง + 42

Nissan

NV
March
Sunny B14
Cefiro A31
Cefiro A32 , A33 , Teana

+45
+45
+40
+35
+40

+38 ถึง +42
+35 ถึง +40
+35 ถึง +40
+25 ถึง +32
+38 ถึง +45

Frontier
NAVARA

+20
+30

0 ถึง +20
+5 ถึง +30

Peuqeot

205 , 305 , 306 , 309 , 405 , 406

+22

+15 ถึง +20

Proton

Savvy , Gen II

+46

+38 ถึง +42

Subaru

Lagacy
Imprezza
Forester

+48
+55
+40

+38 ถึง + 45
+48 ถึง +50
+35 ถึง + 38

Suzuki

Swift
Jimmy
Sporty ,Samurai

+45
+22
+10
+45

+38 ถึง +42
+15 ถึง +20
+0. ถึง +10

Toyota

Soluna AL50
Vios , Yaris
Corolla , AE92 AE100 AE101
AE110 AE111
Corona ท้ายโด่ง , Excier
Camry
Wish
Avanza , Altis

+33
+39
+45
+45
+45
+50
+55
+45

+30 ถึง + 38
+38 ถึง +40
+38 ถึง +42
+38 ถึง +42
+38 ถึง +42
+40 ถึง +45
+40 ถึง +45
+38 ถึง +42

Tiger 4x2
Tiger 4x4
Vigo 4x2
Vigo 4x4 , Fortuner

+23
+8
+45
+30

+15 ถึง +20
+0 ถึง +10
+30 ถึง +40
+15 ถึง +25

Volvo

740 , 760 , 940 , 960

+25

+20 ถึง +30

850 , S60 , S70 , S90 , V70 , XC

+43

+38 ถึง +45

VW

Golf III

+38

+30 ถึง +35